เปลี่ยนกระแสจากเรื่องโรงเรียน มาเป็นเรื่องโรงพยาบาลซะแล้ว พ่อแม่บอกว่า สาเหตุน่าจะมาจากลูกคิดร้องไห้ทั้งวัน ในวันที่สามที่ไปโรงเรียนนั่นแหละค่ะ (นั่นคือวันล่าสุดที่โรงเรียน ตอนนี้ก็ยังพักฟื้นที่บ้านอยู่เลย คุณหมอแนะนำว่าทั้งสัปดาห์นี้ ควรอยู่บ้านดีที่สุด เรื่องเรียนค่อยว่ากันต่อหลังสงกรานต์)
ลูกคิดป่วยเป็นไข้ค่อนข้างหนักต่อเนื่อง ตั้งแต่วันพุธที่ 2 เม.ย. หลังจากเทียวไปเทียวมาหาหมออยู่ 3 รอบ ในที่สุดต้องเข้านอนโรงพยาบาล ด้วยอาการท้องเสีย มีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศา อีกทั้งเดิมมีอาการไข้จากหวัดอยู่แล้วด้วย (โอ้โห! ทำไมมันหลายอาการจังเลยนะคะ)
อาการ- ถ่ายท้องบ่อยมาก ทุกครั้งที่ผายลม ก็เป็นน้ำติดออกมาเลอะกางเกงทุกครั้ง วันละเป็นสิบเลยค่ะ
- ไม่ค่อยยอมทานอะไรเลย ทั้งน้ำและอาหาร พ่อแม่ต้องบังคับขู่เข็ญ พอทานปุ๊บก็ถ่ายปั๊บ
- ไข้ขึ้นเป็นระยะๆ หลังหมดฤทธิ์ยาลดไข้ ตลอดแทบทั้งวันทั้งคืน ผ่านไปจนวันที่สาม อาการไข้จึงหายไป
การรักษา- น้ำเกลือ 5 ขวดเศษ บวกกับฉีดยาฆ่าเชื้อทุก 12 ชั่วโมง เป็นเหตุให้โดนพันธนาการ ด้วยสายน้ำเกลือตลอดเวลา
- พ่นยา ดูดน้ำมูก ดูดเสมหะ ทุก 6 ชั่วโมง ในวันที่สามที่สี่ หลังจากสองวันแรก การรักษาเน้นที่อาการไข้และท้องเสีย
- ยาทาน 7-8 ขนานต่อมื้อ สองวันแรกลูกคิดไม่ได้ทานข้าวเลย แถมดื่มน้ำน้อยมาก ริมฝีปากแห้งแตก จนเจ็บไปหมด
บรรยากาศ (พ่อเก็บมาด้วยกล้องในโทรศัพท์มือถือ)




นอนโรงพยาบาลเที่ยวนี้ แม่ถึงกับร้องไห้สงสารลูกคิด ตอนที่โดนดูดน้ำมูก และเสมหะ เพราะลูกคิดร้องไห้ทุรนทุรายมาก เมื่อพยาบาลนำท่อสายยางเล็กๆ แหย่เข้าไปดูดเสมหะในคอ กลับมาที่ห้องแล้ว ยังมีเลือดออกจมูกติดน้ำมูกออกมามากตลอดคืนนั้น (แม้สองวันหลังจะดีขึ้น เลือดไม่ไหลแล้ว แต่ความทรมานยังเท่าเดิม) -- พ่อเองเมื่อเห็นน้ำตาแม่กับลูก ถึงกับต้องหันหน้าออกนอกระเบียง กลั้นน้ำตาแทบไม่ทันเหมือนกัน
เจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นเรื่องยากลำบากมากพออยู่แล้ว การไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเรื่องค่ารักษาพยาบาล สงสัยว่า คนยากคนจนที่ไม่มีสวัสดิการใดๆ รองรับเลย จะทำยังไงกันนะคะ
ปล. ลูกคิดนอนพักรักษาตัว 4 คืน อยู่ที่
ห้อง 1415 โรงพยาบาลนนทเวช