Monday, November 26, 2007

กุยช่าย

ขนมกุยช่าย ของโปรดของลูกคิด
อาหารมื้อเย็นประจำวันจันทร์ แม่ซื้อจากตลาดนัดท่าอิฐ

กลายเป็นไฟต์บังคับสำหรับแม่ ที่ต้องออกไปตลาดนัดทุกวันจันทร์ ตอนเย็น เพราะว่าต้องออกไปซื้อกุยช่ายให้ลูกคิดนี่แหละค่ะ ช่วงหลังๆ มีเก็บไว้กินวันอังคารด้วยนะคะ

หลังจากมื้อกุยช่ายแสนอร่อยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการแปรงฟันอย่างพิถีพิถัน ละเอียดลออ ทุกซอกทุกมุมของฟัน เพื่อไล่เศษผักกุยช่าย ไม่ให้อาศัยค้างคืนอยู่ในปากของลูกคิดได้ แม่จึงต้องลงมือแปรงให้ลูกคิดด้วยตัวเอง

นี่ถ้าแม่ทำกุยช่ายขายเอง คงขาดทุนเพราะลูกคิดแน่ๆ เลยค่ะ (ฮา)

ภาพประกอบ: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=beamerfamily&month=09-2007&group=4

Sunday, November 25, 2007

ลอยกระทง

ปีนี้เป็นปีแรก ที่ลูกคิดมีโอกาสไปเที่ยวงานลอยกระทง พ่อกับแม่จะพาลูกค้าเข้าไปลอยที่วัดแสงศิริธรรม เพราะว่าใกล้บ้าน ได้พี่ฟ้าไปเป็นเพื่อนกันด้วยค่ะ (ลักพาตัวพี่ฟ้าจากบ้านย่ามาเมื่อวาน หลังกลับจากงานกีฬาสี)

ตอนแม่จุดธูปเทียนในกระทง(ดอกบัว) ลูกคิดนึกว่าเป็น Happy Birthday ก็เลยเป่าเทียนดับซะ -- อ้าวทำไงได้ล่ะ ลูกคิดไม่เคยลอยกระทง เคยแต่แฮ้ปปี้เบิร์ธเดย์นี่คะ

เราเข้าไปที่วัดแสงฯ พร้อมกันกับครอบครัวพี่ฟิล์ม และครอบครัวต้นหม่อน เพื่อนบ้าน ไปถึงคนก็ยังไม่เยอะมากนัก ผ่านไปพักเดียว ทั้งคนและรถตรึม เสียงประชาสัมพันธ์จากลำโพงตัวใหญ่ หนวกหู จนลูกคิดปวดหัวเลยอ่ะ

ค่ำลงหน่อย ที่ฝั่งเกาะเกร็ดมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ กันพองามเล็กน้อย ก็วุ่นวาย และสนุกสนานตามระเบียบ ชอบมากที่สุดคือเล่นไฟเย็น แต่ลูกคิดว่าลอยกระทงสนุกน้อยกว่าสงกรานต์นะคะ


กระทงดอกบัวของลูกคิดกับแม่


กระทงขนมปังของพี่ฟ้ากับพ่อ


จุดธูปเทียนก่อนอธิษฐาน


ไฟเย็น(เจี๊ยบ)


พลุที่ฝั่งเกาะเกร็ด

"วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง ลอยๆ กระทง ลอยๆ กระทง.."

Sunday, November 18, 2007

สองบาท

ลูกคิดสงสารแม่จังค่ะ เห็นพ่อชอบต่อว่าแม่เรื่องใช้เงินหมดเร็ว แถมพ่อยังออกอาการขี้บ่นบ่อยๆ (แต่ก็ไม่วาย ต้องกดเงินจากตู้ ATM มาให้แม่อยู่ดี)

กลางวันวันธรรมดา แม่อยู่บ้านกับลูกคิดสองคน แม่บอกว่า "ลูกคิด แม่ไม่มีเงินแล้ว ทำยังไงดี แม่จะเอาเงินที่ไหนซื้อกับข้าวให้พ่อกับลูกล่ะคะ เฮ้อ!" เพราะว่าบางครั้ง พ่อออกจากบ้านแต่เช้า แม่กับลูกคิดยังไม่ตื่น แม่ก็เลยไม่ทันได้บอกพ่อ ว่าไม่มีเงินแล้ว



ลูกคิด: แม่ไม่มีเงิน เดี๋ยวลูกคิด เอาเงินในไก่ (กระปุกออมสิน) ให้แม่นะคะ
แม่น้ำ: ขอบคุณมากค่ะ ลูกแม่น่ารักจังเลย ลูกคิดจะให้แม่เท่าไหร่คะ
ลูกคิด: สองบาท ลูกคิดจะให้แม่สองบาทค่ะแม่
แม่น้ำ: ...

Thursday, November 15, 2007

กินนม ถึงสูง

วันนี้ตากับยายพาแม่กับลูกคิดไปไหว้พระที่ "โบสถ์ปรกโพธิ์" หรือ "โบสถ์ในต้นไม้" ซึ่งเป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand ของเมืองแม่กลอง ตั้งอยู่ที่ค่ายบางกุ้ง (วัดบางกุ้งจะอยู่ฝั่งตรงกันข้าม อีกฟากหนึ่งของถนน) ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ค่ะ



ลูกคิด:
แม่ๆ พระกินนม พระถึงสูง .. พระกินนม พระถึงสูง นะคะแม่
แม่น้ำ: ไม่ใช่ค่ะลูก พระองค์ใหญ่ ไม่ใช่พระสูง แล้วพระก็ไม่ได้กินนมด้วยนะคะ

Wednesday, November 14, 2007

พ่อจ๋า..อย่าเครียด

สองสามวันมานี้ ลูกคิดสังเกตเห็นว่า พ่อกลับมาจากที่ทำงาน ดูซึมๆ ไป พ่อไม่ค่อยเล่นกับลูกคิดเลยค่ะ ส่วนแม่ อยู่บ้านกับลูกคิดก็เงียบไปเหมือนกัน เอ๊ะ! พ่อกับแม่เป็นอะไรกันไปนะ



ไม่ได้ค่ะ เย็นนี้พ่อกลับจากทำงาน ลูกคิดต้องเคลียกับพ่อซักหน่อยแล้ว

ลูกคิด: พ่อขา..พ่ออย่าเครียดนะคะ ถ้าพ่อเครียด แม่ก็เครียด ลูกคิดก็ไม่มีความสุข บ้านก็ไม่มีเสียงหัวเราะ
พ่อ: ...

เย้ ไชโย! พ่อยิ้มได้ และเข้ามาอุ้มและกอดหอมลูกคิดเหมือนทุกวัน แอบเห็นพ่อกับแม่คุยกันเป็นปกติ(ที่โต๊ะทานข้าว) แล้วค่ะ สบายใจจังเลย

ภาพประกอบ: โรงเรียนทอสี

Friday, November 09, 2007

Monday, November 05, 2007

พระจันทร์ พระอาทิตย์ และดวงดาว

วันนี้ลูกคิดเป็นหวัด มีน้ำมูลไหล คงเพราะเมื่อวานนี้ ที่พ่อกับแม่พาลูกคิดไปว่ายน้ำที่ Master Club แล้วลูกคิดกระโดดลงน้ำตูมๆ แรงๆ สำลักน้ำไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เคยเข็ด กลับชอบซะอีกค่ะ "ฮะฮ่า ไม่อยากบอกเล้ยว่า ลูกคิดเกิดมาเพื่อสิ่งนี้"

เช้านี้ แม่ปลุกลูกคิดสาย ตอน 8 โมงกว่า ลูกคิดตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นพ่อแล้ว เพราะว่าพ่อออกไปทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า (แม่บอก)

ลูกคิด: แม่ขาๆ ลูกคิดเป็นพระจันทร์ และแม่ก็เป็นพระอาทิตย์ และพ่อก็เป็นดวงดาวค่ะแม่
แม่น้ำ: ???


ลูกคิด: เมื่อไหร่พ่อจะกลับมาอ่ะคะแม่
แม่น้ำ: พ่อไปทำงานจ้ะลูก พ่อจะกลับมาตอนค่ำๆ
ลูกคิด: ทำไมพ่อไม่รีบกลับมา ทำไมพ่อต้องกลับมาตอนค่ำๆ อ่ะคะแม่
แม่น้ำ: ก็พ่อเป็นดวงดาว ดวงดาวจะมาเจอกับพระจันทร์ในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันพระจันทร์ก็ต้องอยู่กับพระอาทิตย์ไงจ๊ะลูก
ลูกคิด: ???

ภาพประกอบ: Shutterstock

Friday, November 02, 2007

This day in history

เสียดายจังที่ลูกคิดพลาดโอกาสที่จะได้ร่วมพิธีแต่งงาน ยังไงก็อวยพรย้อนหลังแล้วกันค่ะ

"ขอให้คู่บ่าวสาวรักกันนานๆ มีความสุขมากๆ ทุกวัน และที่สำคัญ ขอให้มีลูกที่น่ารักที่สุดในโลกเลยนะคะ"

วันนี้ในอดีต เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว -- วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖



ปล. ภาพจากพิธีแต่งงานของพ่อกับแม่

Thursday, November 01, 2007

วันเกิด..กอดแม่

เมื่อคืนนี้ลูกคิดได้ดูรายการ 'จุดเปลี่ยน' ตอน 'บ้านอุ่นด้วยอ้อมกอด' พร้อมกับพ่อและแม่ บางช่วงบางตอน ประมาณว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สลับกับละครช่อง 3 น่ะค่ะ แต่โดนใจพ่อกับแม่มาก ที่พี่ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังห่อกล่องของขวัญ นำไปมอบให้แม่ เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 19 ของพี่เค้า

ทีมงานถามพี่เค้าว่า วันเกิดปีนี้อยากได้อะไรจากแม่เป็นพิเศษรึเปล่า คำตอบคือ อยากให้แม่กอด เพราะตั้งแต่จำความได้ แม่ไม่เคยกอดเลย พ่อกับแม่ของลูกคิดก็ว่า ใช่เลย วันที่เราเกิดคือวันที่แม่เจ็บแทบตาย แต่ทำไมค่านิยมของสังคมทุกวันนี้ จึงคิดแต่จะเลี้ยงฉลอง จัดงานปาร์ตี้ กับเพื่อนฝูงเท่านั้น โดยไม่ได้คิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดเลยแม้สักนิดนะคะ

ครอบครัวเราเลยตั้งปณิธาณกันไว้ว่า ไม่ว่าจะวันคล้ายวันเกิดของใคร ให้คิดถึงความเจ็บปวดของแม่ก่อน เป็นอันดับแรก ซึ่งได้แก่ ย่ากับยาย และแม่น้ำของลูกคิด ต่อจากนั้น ก็เป็นเรื่องทำบุญทำทาน ส่วนงานเลี้ยงฉลอง ก็จะเป็นแค่ทานข้าวพร้อมหน้าภายในครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ย่า และยาย เท่านั้นก็พอค่ะ (แต่ก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจ สำหรับใคร ที่อยากจะให้ของขวัญลูกคิดนะคะ)

ระหว่างย่ากับพ่อ และยายกับแม่ มีอะไรที่เหมือนกัน คือ ไม่เคยแสดงความรักด้วยการกอดกัน ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ารัก และห่วงใยกันตลอดเวลา -- แต่ระหว่างลูกคิดกับพ่อกับแม่ จะไม่เป็นอย่างนั้น ครอบครัวเราจะกอดและบอกรักกันทุกคืนก่อนนอน และทุกครั้งที่อยากทำ ลูกคิดรักพ่อรักแม่ค่ะ



กลอนวันเกิด
กลอนเดียวกันกับที่พี่เค้าอ่านให้แม่ฟัง แต่ลูกคิดคัดลอกมาจาก iCyg@ng.cOm

งานวันเกิด ยิ่งใหญ่ ใครคนนั้น
ฉลองกัน ในกลุ่ม ผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินทนง
วันเกิดส่ง ชีพสั้น เร่งวันตาย
ณ มุมหนึ่ง ซึ่งเหงา น่าเศร้านัก
หญิงแก่แก่ นั่งหงอย และคอยหาย
โอ้วันนี้ ในวันนั้น อันตราย
แม่คลอดสาย โลหิต แทบปลิดชนม์
วันเกิดลูก เกือบคล้าย วันตายแม่
เจ็บท้องแท้ เท่าไร ก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มท้อง กว่าคลอด รอดเป็นคน
เติบโตจน บัดนี้ นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียน ขาดใจ ในวันนั้น
กลับเป็นวัน ลูกฉลอง กันผ่องใส
ได้ชีวิต แล้วก็เหลิง ระเริงใจ
ลืมผู้ให้ ชีวิต อนิจจา
ไฉนเรา เรียกกัน ว่า"วันเกิด"
"วันผู้ให้ กำเนิด" จะถูกกว่า
คำอวยพร ที่เขียน ควรเปลี่ยนมา
ให้มารดา คุณเป็นสุข จึงถูกแท้
เลิกจัดงาน วันเกิด กันเถิดนะ
ควรแต่จะ คุกเข่า กราบเท้าแม่
รำลึกถึง พระคุณ อบอุ่นแด
อย่ามัวแต่ จัดงาน ประจานตัว