Friday, August 31, 2007

"เดี๋ยว..เตะตู้มเลย"

เมื่อคืนพ่อยังกลับไม่ถึงบ้าน สองทุ่มกว่าลูกคิดขอแม่ขึ้นไปดูทีวี ที่ห้องนอนบนบ้าน คนเดียวก่อน สักพักพ่อเปิดประตูห้องเข้ามา พอดีกับละคร "รักนี้ หัวใจเราจอง" เพิ่งมาพอดี พร้อมสัญลักษณ์ และคำแนะนำ



พ่อกดรีโมท เปลี่ยนทีวีไปที่ช่อง 9 ซึ่งรายการสารคดีวิทยาศาสตร์เฉยเลย

ลูกคิด: ลูกคิดจะดู หัวใจเราจอง
พ่อ: ดูละครคนเดียวไม่ได้นะครับ ต้องมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
ลูกคิด: ลูกคิดจะดู ลูกคิดจะดู หัวใจเราจอง
พ่อ: รอให้พ่ออาบน้ำ ลงไปกินข้าวกับแม่เสร็จแล้ว ค่อยมาดูด้วยกันนะครับ

ลูกคิด: เดี๋ยว เตะตู้มเลย
พ่อ: เตะใคร
ลูกคิด: เตะพ่อ
พ่อ: จริงเหรอ ลูกคิดจะเตะพ่อ งั้นพ่อไม่กลับบ้านแล้วนะ
ลูกคิด: ไม่จริง ลูกคิดล้อเล่นค่ะ


พ่อแม่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ข้างล่าง

ลูกคิด: แม่! พ่อไม่ยอมให้ลูกคิดดู หัวใจเราจอง พ่อไม่ยอมให้ลูกคิดดู หัวใจเราจอง ค่ะแม่
แม่: ก็ดูไปสิลูก อยู่คนเดียวไปก่อน ไม่ต้องเปิดประตูออกมาบ่อยๆ ยุงมันเข้า กดเลข 1 ไง ช่อง 3 ลูกคิดกดได้ไม่ใช่เหรอคะ
พ่อ: ???

Tuesday, August 28, 2007

ขอบริจาค 'โอ๋'

ระยะหนึ่งถึงสองเดือนมานี้ไม่รู้เป็นอะไร ลูกคิดทำอะไรก็ไม่ถูกใจทั้งพ่อและแม่ไปซะหมด
  • กระโดดดึ๋งๆ บนเตียงนอน แล้วก็กระโดดจากเตียงลงมาที่พื้นห้อง
  • เอาเก้าอี้มาต่อ ปีนขึ้นไปบนโต๊ะคอมพิวเตอร์พ่อ หาดูว่ามีอะไรเล่นได้บ้าง
  • ขึ้นไปยืนบนพนักโซฟา ตะโกนเรียก ต้นหม่อนบ้าง พี่ฟิล์มบ้าง แม่บ้าง เสียงดังจากในบ้าน แถมด้วยโยกบานมุ้งลวด
  • ปีนขึ้นไปยืนบนฝาชักโครกที่ปิดอยู่ เพื่อเอื้อมมือไปเปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าเล่น
  • กระชากกิ๊บหนีบผม จากบนหัวแม่ บ่อยๆ
  • ร้องไห้ร่ำไร ร้องจนจะอ้วก ทั้งๆ ที่แค่โดนขู่ว่าจะตี (ข้อนี้สำคัญ เป็นเหตุให้โดนแม่ตีมากที่สุด)



จะด้วยเหตุใดก็ตามที่ลูกคิดจะโดนทำโทษ พ่อและแม่มักจะเห็นชอบพ้องกันทั้ง 2 คนเสมอ ไม่มีใครห้ามใครเลย เวลาถูกพ่อตี แม่ก็ไม่เห็นปลอบ กลับกันเวลาแม่ตีลูกคิด พ่อก็เฉย มิหนำซ้ำ บางครั้งยังตบท้ายด้วยการอบรมขนานใหญ่อีกด้วย ไม่รัก ไม่สงสารลูกคิดบ้างเลยเหรอคะ (พ่อแม่มักจะบอกด้วยว่า เพราะรักยังไง ถึงได้ตี ลูกคิดไม่เข้าใจ และก็ไม่เห็นด้วย)

ลูกคิดเห็นเด็กคนอื่น เวลาถูกพ่อหรือแม่ตี อีกคนหนึ่งมักจะเข้ามาห้าม มาโอ๋ แต่สำหรับลูกคิดเวลาโดนตี ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครเลยค่ะ

ลุงๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ใครมี 'โอ๋' เหลือใช้ ลูกคิดขอบริจาคไว้ใช้กับตัวเองบ้างนะคะ

ภาพประกอบ: http://static.flickr.com

Thursday, August 23, 2007

ส่วนผสม

สำหรับลูกคิดตอนแรกคลอดนั้น ไม่ได้เป็นเด็กที่จัดอยู่ในประเภท "สำเนาถูกต้อง" ของพ่อหรือของแม่เลย ขนาดแม่เองที่เคยเห็นลูกคิดแล้วในห้องผ่าตัด พอย้ายขึ้นมาที่ห้องเด็กทารก แม่ยังหน้าแตกไปชี้บอกเพื่อนว่า ลูกคนอื่นเป็นลูกคิดไปซะงั้น เฉยเลย จนแม่ตัวจริงเค้าต้องบอกว่า เอ่อ! คุณคะนั่นลูกดิฉันค่ะ

แต่ก็มีอาการที่นอนหลับแล้วริมฝีปากบนเชิดขึ้น (เหมือนปากเจ่อ) เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งค่ะ ที่ลูกคิดเหมือนกับแม่มาก กับญาติและเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมแม่ โดยทั่วไปความเห็นจะหลากหลาย จะเหมือนพ่อก็ต้องหาว่าตรงไหน จะเหมือนแม่ก็ต้องพินิจว่าอะไร ไม่เหมือนต้นหม่อนลูกลุงวันชัยกับป้าหมวย ที่คลอดออกมา แล้วทุกคนที่เห็น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "สำเนาถูกต้อง" ไม่มีผิดตัวแน่นอน



ตอนนี้ ลูกคิดอายุได้ 2 ขวบกับอีกเกือบๆ 8 เดือนแล้ว ลักษณะทางกายภาพที่เด่นชัดของพ่อและแม่ที่ปรากฎ มีดังนี้
  • เส้นผมตรงมีหยักศกปลาย กำลังสวย -- แม่
  • คิ้วหนาเปรอะ ตาโต ตาดำลอยๆ -- พ่อ
  • มีแก้มป่องๆ -- พ่อ (ตอนเด็ก)
  • ซี่โครงบาน พุงป่อง -- แม่
  • เหงื่อออกมาก -- พ่อ
  • ขี้ร้อน -- แม่
  • เหงื่อออกจมูกง่าย (น่าจะขี้โมโห) -- พ่อ
  • แขน ขา มือ เท้า -- แม่
  • เป็นส่วนผสม ที่ออกมาแล้วดูดีมากๆ
พ่อบอกว่า อย่างนี้ก็ดีแล้ว ลูกคิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว และเท่าเทียมกันของพ่อกับแม่จริงๆ จะได้ไม่มีใครน้อยใจไง
(ถึงแม้จะเหมือนแค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่พ่อกับแม่ก็รักลูกคิดแบบนี้อยู่ดีแหละ ใช่มั้ยคะ)

ส่วนเรื่องนิสัย ต้องยกให้แม่ค่ะ เพราะลูกคิดลูกแม่ และก็อยู่กับแม่ตลอด 24 ชั่วโมงนี่คะ จะให้ไปเหมือนใคร (แต่ไม่ขอสาธยาย)


ภาพประกอบ: http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/cloning/index.htm

Monday, August 20, 2007

หรือถึงเวลาต้องไป..

พักนี้ลูกคิดทำอะไรมักจะไม่ถูกใจพ่อกับแม่ไปซะหมด ทุกครั้งที่ทำลงไปลูกคิดยอมรับค่ะว่าผิดจริง แต่ก็เพราะสนุกประสาเด็กๆ เท่านั้นเอง ไม่เคยตั้งใจซักนิดเดียวว่าจะทำให้พ่อกับแม่ไม่ชอบใจ

ข้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นผาดโผน เล่นของที่ไม่ใช่ของเล่น การพูดจาต่อว่าต่อขาน เสียงแข็ง กับสายตาค่อนขอด (พอน่ารัก)

ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่จะเหนื่อยหน่าย หมดความอดทน และไม่พยายามจะสอนลูกคิดด้วยวิธีการพูดจากันดีดี อธิบายเหตุผลให้ฟังแล้ว เคยได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่า สอนครั้งใดลูกคิดก็รับปากรับคำว่า 'เข้าใจ' ซะทุกครั้ง แต่ไม่ทันไรก็เป็นอีก

หรือว่าถึงเวลาที่ลูกคิดจะต้องไปโรงเรียนแล้วจริงๆ ไปให้คุณครูสั่งสอน ลูกคิดไปโรงเรียน พ่อกับแม่จะได้สบายใจบ้าง ไม่ต้องเหนื่อยกับการว่ากล่าวตักเตือนลูกคิด

ยังไงลูกคิดก็ยังคงรับปากค่ะว่า จะพยายามอย่างดีที่สุด เพราะลูกคิดรักพ่อรักแม่นะคะ

Saturday, August 11, 2007

๑๑ สิงหา พาย่ายายไปบุฟเฟ่ต์

พรุ่งนี้เป็นวันแม่ วันนี้ครอบครัวเราก็เลยนัดกันว่า จะพาย่ากับยายไปทานบุฟเฟ่ต์ Brunch ที่ @Cafe' ในโรงเแรมริชมอนด์ หลังจากพ่อซื้อคูปองเอาไว้สองใบ 1,400 บาท เมื่อวัน Live on Stage ของลูกคิด ไปทานได้ 4 ที่ (เด็กเล็กอย่างลูกคิดไม่เสียตังค์)

ส่วนพรุ่งนี้วันจริง พ่อกับแม่บอกว่า "แม่ใครแม่มัน" (ลูกคิดก็คงต้องไปกับแม่นะคะพ่อ)

แม่บอกว่าย่ากับยายกินไม่คุ้มหัวละ 350 บาทเลย รวมทั้งพ่อและลูกคิดด้วย (ขนาดกำลังควบคุมน้ำหนักนะคะแม่)

ก่อนออกจากบ้าน คุณนายตื่นสายกำลังสวย แม่ก็เลยขอซะหน่อยค่ะ

อันนี้เป็นรีวิวคร่าวๆ ความเห็นส่วนตัวของพ่อค่ะ
  • อาหารเกรด B ไม่เด่นไม่ด้อย หลากหลายพอประมาณ แต่กาแฟควรปรับปรุงอย่างแรง
  • บริการ A- สุภาพมาตรฐาน เอาใจใส่
  • สถานที่ B โปร่งโล่ง เพราะเป็นอาคารเพิ่งสร้างใหม่ ไม่หรู เหมาะกับฐานะพวกเรา
  • โอกาสหน้า -- ขอมาโอกาสพิเศษ เพราะพวกเรากินไม่คุ้ม (ราคาปกติ จ.-ศ. 350 ++ ส.-อา. 400 ++)
  • ดีตรงที่มีของเล่นหลอกล่อเด็ก ให้อยู่ได้นานหน่อย (ตามไปดูรูปที่ multiply)
พ่อกับแม่บอกว่า คงไม่คิดจะพาแม่(ย่าและยาย) ไปแย่งกันทานตามร้านอาหารในวันแม่อีกแล้วล่ะ ลูกคิดงงจังว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ จะต้องแห่กันไปเฉพาะวันแม่ด้วยนะคะ

Wednesday, August 08, 2007

โรงเรียนทางเลือก

ช่วงนี้ใกล้วัยลูกคิดจะต้องเข้าเรียน พ่อแม่เริ่มนับเวลาถอยหลัง และมองหาโรงเรียนกันอย่างจริงจังแล้ว เพื่อนๆ พ่อกับแม่ที่อยู่ย่านเดียวกัน ส่วนใหญ่ลูกๆ จะเรียนที่กสิณธร เซ็นปีเตอร์ หรือไม่ก็สารสาสน์วิเทศ บางบัวทอง (ทั้งสองแห่งนี้เล่ากันว่า เน้นวิชาการ ตามแบบดั้งเดิมที่เคยเป็นมานาน)

พ่อค่อนข้างเชื่อว่าโรงเรียนทางเลือก น่าจะเป็นแนวทางที่ถูก และเหมาะสมสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ถ้าลูกคิดเป็นผู้ชาย พอขึ้น ป.1 คงถูกส่งไปอยู่โรงเรียนสัตยาใส ที่ลพบุรีโน่น แน่เลย (ขนาดยังไม่รู้ว่าค่าเล่าเรียนจะมากน้อยแค่ไหน และชีวิตเด็กประจำ จะลำบาก เศร้าเหงาขนาดไหนนะคะ)

ข้างล่างเป็นรายชื่อโรงเรียนทางเลือกเท่าที่พ่อหาข้อมูลได้คร่าวๆ จากเน็ต ซึ่งดูไปดูมาถ้าค่าเล่าเรียนเป็นไปตามนี้ สงสัยว่า จะเป็นโรงเรียนทางเลือกของเด็กคนอื่น มากกว่าทางเลือกลูกคิดนะคะ (ทุกแห่งไกลจากบ้านลูกคิดมาก ทำให้พ่ออ้างได้ว่า ทำไมไม่เลือก)


1. โรงเรียนวนิษา -- "อัจฉริยะสร้างได้...กับ ครูหนูดี"
ข้อมูล: http://www.vanessa.ac.th

อนุบาล
ค่าเล่าเรียนปีละ 76,000 บาท
ประกันอุบัติเหตุ 200 บาท
คอมฯ เทอมละ 2,500 บาท

ประถม
ค่าเรียนปีละ 98,000 บาท
คอมฯ 3,000 บาท
หนังสือ 7,000 บาท
อุบัติเหตุ 200 บาท


2. โรงเรียนวรรณสว่างจิต -- "เรียนรู้ผ่านของจริง" "ทฤษฎีวอร์ดอร์ฟ"
ข้อมูล: http://www.raklukefamilygroup.com

อนุบาล 1 ค่าแรกเข้า 45,000 บาท ค่าเล่าเรียนอนุบาลเทอมละ 17,000-18,000 บาท หนึ่งปีมี 3 เทอม


3. โรงเรียนเพลินพัฒนา -- "เรียนรู้ผ่านกระบวนการทางวัฒนธรรม"
ข้อมูล: http://www.raklukefamilygroup.com

ค่าเล่าเรียนโรงเรียนเพลินพัฒนา(แบ่งชำระปีละ ๒ งวด)
ระดับอนุบาล ปีละ ๗๓,๕๐๐ บาท
ระดับประถม ปีละ ๘๔,๐๐๐ บาท
ระดับมัธยม ปีละ ๙๔,๕๐๐ บาท
ค่าแรกเข้าใช้อัตราเดียวกันทุกระดับชั้น คือ ๕๐,๐๐๐ บาท
การปรับขึ้นค่าเล่าเรียนเมื่อเปลี่ยนช่วงชั้น จากอนุบาล ๓ ไปประถม ๑ ปรับเพิ่ม ๑๐%% ประถม ๖ ไป มัธยม ๑ ปรับเพิ่ม ๑๐%% ส่วนระดับชั้นอื่น ปรับเพิ่ม ๕%% ทุกปีค่ะ
การขึ้นค่าเล่าเรียนในอัตรานี้เป็นอัตราที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เปิดโรงเรียน ไม่ได้มีการปรับลดลงแต่อย่างใดค่ะ


4. โรงเรียนรุ่งอรุณ -- "ศึกษาตามธรรมชาติ"
ข้อมูล: http://www.siam-handicrafts.com

ระดับอนุบาล1-3 เทอมละ 21,000 บาท ป.1-6 เทอมละ 28,000 บาท และระดับมัธยม 1-6 เทอมละ 31,000 บาท ค่าแรกเข้า 48,000 บาท ทั้งนี้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนปีละ 3 เทอม


5. โรงเรียนดรุณสิขาลัย -- "เรียนผ่านสิ่งใกล้ตัว"
ข้อมูล: http://www.siam-handicrafts.com

อยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี (บางมด)
ค่าเล่าเรียนเหมาจ่ายปีละ 180,000 บาทต่อเด็ก 1 คน โรงเรียนบอกว่ายังไม่พอด้วยซ้ำ ต้องออกให้นักเรียนอีกคนละ 100,000 บาทต่อปี ที่ค่าเล่าเรียนสูงขนาดนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายในการพานักเรียนไปเรียนรู้ มีประสบการณ์ตรง จากของจริง สถานที่จริง


ก็ขอให้เพื่อนๆ ที่มีโอกาสเรียนจบจากโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้ เติบโตขึ้นเป็นคนเก่ง ฉลาด กล้าคิดกล้าทำ ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปนะคะ ส่วนลูกคิดสัญญาว่าจะเป็นคนดีของสังคมค่ะ

ภาพประกอบ: http://happysmile.anamai.moph.go.th

Saturday, August 04, 2007

เขตปลอดคำชม

:: NO Compliment Area ::


แหม! พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกคิด และเพิ่งจะชมไปไม่กี่วัน ลูกคิดก็ขอสองซะแล้ว แม่เพิ่งเอาผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ไปซักที่บ้านยายมาได้ 2 วันนี่เอง แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ดุว่าลูกคิดหรอกค่ะ เพราะผลงานที่ผ่านมาเกินคาดแล้วค่ะ

แม่บอกว่าลูกคิดเนี่ยชมเรื่องอะไรไม่ได้เลย คราวก่อนชมว่าสุขภาพแข็งแรง ไม่ได้ป่วยมานานกว่า 2 เดือน หลังจากนั้นแค่ 3-4 วัน เป็นปอดบวมซะงั้น คราวนี้ก็เรื่องฉี่รดที่นอน


:: NO Compliment Area ::

Wednesday, August 01, 2007

วันนั้นจนวันนี้

แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พ่อกับแม่บอกว่าต้องบันทึกไว้เป็นความประทับใจ เพราะตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ลูกคิดไม่เคยฉี่รดที่นอนอีกเลย

พ่อหนั่นแกมีหลักการของชีวิตอย่างหนึ่ง ที่ท่องขึ้นใจของแกมาตลอด คือ สร้างความสุข โดยพยายามลดรายละเอียดในชีวิตลง ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แกบอกด้วยว่าลูกคิดก็มีแววที่จะยึดแนวทางนี้ได้ เพราะลูกคิดเป็นเด็กไม่เรื่องมาก ไม่ติดอะไรจริงจัง จะเลิกก็เลิกได้ง่ายๆ ไม่งอแง เป็นลักษณะที่พ่อและแม่ภูมิใจในตัวลูกคิดมาก


ภาพประกอบ: http://my-buffalos.exteen.com