Friday, June 29, 2007

วาทะพัฒนา

พ่อบอกว่าพัฒนาการทางการสื่อสารทั้งคำพูด และอารมณ์ ของลูกคิดเกินอายุ เร็วกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกันมาก คำบางคำ ประโยคบางประโยคที่ลูกคิดนำมาใช้ ถูกสถานการณ์ ดูเหมือนจะรู้เรื่องเป็นผู้ใหญ่ (ทั้งที่จริงไม่รู้ความหมาย แต่สื่อได้จากอารมณ์ของคนรอบข้าง) หลายๆ คนถึงกับหลุดปากว่า "ดูสิดูลูกคิดพูด" ไม่พูดเปล่า สีหน้าท่าทาง แสดงออกได้ตามอารมณ์ของวาจาที่เปล่งมาซะด้วย อย่างนี้ภาษาชาวบ้านๆ เค้าเรียกว่า "แก่แดด"

  1. "เบื่อแล้ว เฮ่อ! ไม่อยากจะเชื่อเลย" เวลาบอกให้ใครทำอะไรแล้วเค้าไม่ทำตาม เช่น บอกต้นหม่อนให้เล่นของเล่นอย่างหนึ่ง แต่ต้นหม่อนไม่ฟัง ไปหยิบของเล่นชิ้นอื่น
  2. "แม่อยากมีอะไรจะคุยกับลูกคิดมั้ยคะ" ใช้ตอนที่แม่จดจ่อกับละคร หรือรายการทีวี มากเกินไป จนลูกคิดทำเสียงดังยังไง แม่ก็ไม่สนใจ แม้แต่จะหันมาดุ
  3. "แล้วแม่สนใจหนูบ้างหรือเปล่าล่ะ" แม่คุยกับป้าแตหน้าบ้านนานเกินไปแล้ว ลูกคิดอยากกลับเข้าไปเล่นในบ้านค่ะ
  4. "เหม็นหน้าพ่อไง" หยอกล้อพ่อเล่นนะคะ
  5. "เดี๋ยวตบปากเลย" ลูกคิดใช้ครั้งเดียวเอง ตอนไปงานบวชที่วัดเบญจมบพิตร แม่บอกว่าแค่คำพูดนี้ ทำให้แม่เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง ก็แม่ห้ามเล่นโทรศัพท์ เพราะว่าเสียงดังรบกวนพิธี ลูกคิดพูดคำนี้ใส่แม่ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาในงาน
ดูว่าพ่อและแม่จะเป็นกังวลมากๆ กับพัฒนาการเรื่องนี้ของลูกคิด แม้พ่อเองจะเคยบอกว่า แบบที่ลูกคิดเป็นอยู่ตอนนี ้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เห็นได้ในเด็กส่วนใหญ่ เพียงแต่ต้องอายุมากกว่านี้ซักหน่อย หรืออย่างน้อยก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้วนั่นแหละ

หมายเหตุของพ่อ: ไม่มีโครงการใดที่จะยิ่งใหญ่และยาก เท่ากับการเลี้ยงดูลูกในยุคนี้สมัยนี้อีกแล้ว ทั้งต้องกังวลเรื่องทุนรอนที่ไม่มีจบสิ้น ผลตอบแทนระยะสั้นต่ำ ตัวโครงการผันผวน (dynamism) สุดๆ แทบจะตลอดเวลา ปัจจัยภายนอกว่าเยอะ ปัจจัยภายในก็มิใช่น้อย ความคาดหวังไม่เลิศหรู แค่เอาตัวรอดได้ก็พอ จะละทิ้งหรือหนีโครงการไม่ได้เลย

สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ นี่คือบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง และที่สำคัญ เป็นความภาคภูมิใจสูงสุด เพียงแค่ได้ทำ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

Thursday, June 28, 2007

ลูกคิด(ไม่)อยากมีน้อง

เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 มิ.ย.) พ่อ แม่ และลูกคิด ออกไปกิน breakfast กันที่ร้านบางกอกนมสด ตลาดท่าอิฐ บังเอิญไปเจอน้าโบว์ น้องสาวน้าเก๋ กำลังรอซื้อของกลับบ้าน น้าโบว์บอกว่าน้าเก๋ไปโรงพยาบาลแล้วเมื่อเช้านี้ นัดหมอไว้ว่าจะผ่าท้องคลอดตอนบ่าย ดีใจกับพี่ซันไจ๋(ลูกชายน้าเก๋)ด้วยค่ะ จะมีน้องแล้ว แต่เป็นน้องชาย ไม่ใช่น้องสาวอย่างที่น้าเก๋หวัง แม่บอกว่าถ้าพี่ซันได้น้องสาว น้าเก๋คงจะทำหมันแล้วล่ะ "ทำหมันคืออะไรคะ"

เวลาที่ลูกคิดมีโอกสาสได้เจอน้องๆ ลูกเพื่อนแม่ เช่น น้องพั้นช์ลูกน้าเล็ก กลับมาแม่มักจะถามว่า "ลูกคิดอยากมีน้องมั้ยคะ" "ลูกคิดอยากมีน้องค่ะ"
จะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน ช่วงที่บางวัน แม่ทำงานบ้านเยอะๆ ยุ่งกับต้นไม้หน้าบ้านมากๆ ลูกคิดมักจะถูกทิ้งให้เล่น หรือดูการ์ตูนอยู่ในบ้านคนเดียว ก็จะซนตามประสา รื้อของกระจาย จนโดนแม่ดุบ่อยๆ ถ้ามีน้องเป็นเพื่อนเล่น ลูกคิดจะไม่รื้อ ไม่ซนแล้วค่ะ (ถ้าแม่กลับเข้ามาแล้วเจอข้าวของเกลื่อนบ้าน ลูกคิดก็จะบอกว่าน้องเป็นคนรื้อออกมา ..)

อาทิตย์ก่อนกลับจากบ้านยาย หัวค่ำแม่บอกพ่อว่า ตอนอยู่บ้านยาย ลูกคิดแอบขอยายต๋อย กินลูกอมบ้างล่ะ ขนมกรอบๆ บ้างล่ะ รวมทั้งน้ำอัดลมด้วย ทำให้พ่อรู้สึกหงุดหงิด เพราะลูกคิดเคยสัญญาแล้วว่าจะไม่กิน คืนนั้นเองระหว่างนั่งกินข้าว พ่อแกล้งพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า

พ่อ: ลูกพ่อต้องไม่กินลูกอม เชื่อฟังพ่อแม่ ถ้าลูกพ่อกินลูกอม ไม่เชื่อฟัง พ่อจะมีลูกใหม่ดีกว่า
ลูกคิด: แง! ลูกคิดร้องไห้จ้าเลยค่ะ ไม่เอานะลูกคิดไม่ให้พ่อมีลูกใหม่นะ ไม่เอาค่ะ ฮือๆๆ
พ่อ: ถ้าอย่างนั้นลูกคิด ต้องไม่กินลูกอมสิครับ ห้ามแอบไปกินที่บ้านยายด้วยรู้มั้ยครับ
ลูกคิด: พ่อจ๋า ลูกคิดขอโทษ ลูกคิดไม่กินลูกอมแล้วค่ะ ฮือๆๆ


สรุปว่า ลูกคิดอยากมีน้อง แต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่มีลูกอีก มีลูกคิดคนเดียวพอแล้วค่ะ

ปล. ถ้ามีน้องจริงๆ พ่อกับแม่ต้องหาที่ปลูกต้นทุนให้มากขึ้นกว่านี้อีกแน่เลยค่ะ

Wednesday, June 27, 2007

ปัสสาวะคืนแรกบนที่นอน

หลังจากผ่าน 1 สัปดาห์มาได้ สถิติของลูกคิดก็หยุดลงในคืนที่ 12 ซะแล้วค่ะ คือเมื่อคืนนี้เองลูกคิดฉี่รดที่นอนเป็นครั้งแรก หมอน ผ้านวม เปียกไปหมด (เช้านี้แม่งานหนัก ฝนก็ตั้งเค้ามาอีก) แต่พ่อกับแม่ก็ไม่โกรธลูกคิดนะคะ ได้ยินพ่อบอกคงเป็นเพราะว่า พ่อแม่ลืมพาลูกคิดไปฉี่ก่อนนอน เหมือนทุกคืนที่ผ่านมามากกว่า บวกกับฝนตกแล้วอากาศเย็นด้วยมั้งคะ

สงสัยจังว่ามีเด็กคนไหนบ้างที่ทำสถิติได้นานกว่าลูกคิด (11 คืนไม่ฉี่รดที่นอน หลังจากเลิก pampers) น่ะค่ะ แต่ไม่น่าจะมีใครไม่เคยฉี่รดที่นอนนะคะ จากนี้ไป ยังไงๆ ลูกคิดก็ยังพยายามจะทำสถิติให้ยาวนานกว่านี้อีก กลัวแม่โกรธลูกคิดด้วย เพราะที่นอนลูกคิดกับที่นอนแม่ เป็นอันเดียวกันนั่นเอง

Tuesday, June 26, 2007

หลับผล็อย...











อาการหลับกลางอากาศของลูกคิด ที่โดนแม่แอบถ่ายรูปเอาไว้ ครั้งนี้แปลกกว่าทุกวัน เพราะปกติของที่อยู่ในมือ มักจะเป็นดินสอกับสมุด ครั้งนี้กลับเป็น...โรตี

พ่อเล่า จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ตอนลูกคิดยังไม่ถึงขวบ เคยมีหลับคาช้อนขณะที่แม่กำลังป้อนข้าวด้วย ตลกดีนะคะ

Saturday, June 23, 2007

ท่าประจำ

ท่าประจำของลูกคิด คือ ท่าน้ำวัดแสงสิริธรรม (ฮา) ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พูดถึงนี่เป็นท่านอนดูทีวีท่าประจำของลูกคิดเอง พ่อชอบว่าลูกคิดว่าทำไมต้องนอนดูทีวีอย่างนี้ด้วย เหมือนเด็กขี้เกียจเลย ไม่ใช่นะคะ ก็ลูกคิดแค่เมื่อยแต่ไม่ได้ขี้เกียจ จริงๆ นะ

ช่วงนี้ต้องเห็นลูกคิดในอิริยาบทแบบนี้ทุกวัน เพราะมันสบายดี ไม่ว่าจะดูการ์ตูน เขียนหนังสือ วาดรูป หรือเล่นของเล่น เมื่อเริ่มจากนั่ง ก็จะจบลงในท่านี้นี่เอง พ่อถึงเรียกว่าเป็น "ท่าประจำ" ไงคะ

พ่อเคยเล่าให้(แม่)ฟังว่า ตอนเด็กๆ พ่อก็มีท่าคล้ายๆ กันกับลูกคิดแบบนี้แหละ แถมกินข้าวกินขนมไปพร้อมกับนอนดูทีวีด้วยซ้ำ เป็นอยู่นานหลายปี แล้วทำไมต้องมาว่าลูกคิดขี้เกียจด้วยนะ ไม่เข้าใจพ่อจริงจิ๊งเลยเชียว

Friday, June 22, 2007

แพะ

เหตุการณ์เมื่อวานนี้ช่วงสายๆ
แม่ ฮัลโหล! พ่อ พ่อเอากุญแจไขลูกบิดห้องน้ำข้างล่างเก็บไว้ที่ไหน ตอนนี้มันล็อกจากข้างในอ่ะจ้ะ หาเท่าไหร่ก็ไมเจอ
พ่อ ตอนที่เปลี่ยนบานประตู พี่ศักดิ์แกก็ให้พ่อไว้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเก็บไว้ที่ไหนอ่ะ ตามลิ้นชักไม่มีเหรอ
แม่ หาแล้วเจอดอกอื่นๆ ไม่ใช่ของลูกบิดห้องน้ำอ่ะ
พ่อ ไม่เป็นไร ถ้าหาไม่เจอ เดี๋ยวรอพ่อกลับบ้านก่อน วันนี้ก็ขึ้นไปใช้ห้องน้ำข้างบนก่อนนะ แล้วอย่าให้ล็อกอีกล่ะ เพราะของข้างบนก็จำไม่ได้ว่าอยู่ไหนเหมือนกัน แต่พ่อคุ้นๆ ว่าผ่านตา เห็นอยู่ที่ไหนซักทีแหละในบ้านอ่ะ

พ่อ เอ้อ! แล้วใครไปกดล็อกล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะเป็น แม่เผลอเอง หรือว่าลูกคิดไปกดเล่น
แม่ ปกติแม่เข้าห้องน้ำ จะปิดประตูอย่างเดียว ไม่เคยกดล็อกเลยนะ เพราะอยู่กับลูกสองคน สงสัยคงเป็นลูกคิดกดเล่นมากกว่ามั้ง


อย่างลูกคิดนี่สุภาษิตไทยเค้าเรียกว่า "แพะรับบาป" ค่ะ พ่อนะพ่อ blog เรื่อง Information Management ไว้ตั้งหลายวันแล้ว เห็นบอกว่าเพราะไปอ่านเจอใน blog ของฝรั่งที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้ แต่ทำไมพ่อไม่เห็นทำซักที เดี๋ยววันดีคืนดีลูกคิดก็กลายเป็นแพะอีกหรอกค่ะ
"เฮ้อ! ไม่อยากเลย"

ปล. ยังโชคดีที่ตอนเย็น พ่อกลับมาหากุญแจดอกนั้นเจอ ก็เลยเลิกหาตัวคนผิดมาลงโทษ ^^

Thursday, June 21, 2007

ครบเจ็ดวันแล้วค่ะ

แม่บอกว่าต้องบันทึกเอาไว้อวดหน่อย เห็นจะเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวในระยะนี้ ที่ลูกคิดทำได้ดีที่สุดเกินกว่าที่พ่อแม่คาดหวัง ผ่านพ้นเมื่อคืนมาก็ครบ 7 วันพอดี ลูกคิดไม่ฉี่รดที่นอนเลยแม้แต่วันเดียว ส่วนเรื่องอื่นๆ แม่ส่ายหัว

  • เช้ายันค่ำ ไม่ยอมกินข้าว ไม่กินนม เอาแต่เล่น (แม่กลุ้มใจมาก)
  • ขี้แง แกล้งร้องไห้เก่ง ร้องไปซะทุกเรื่อง (เป็นเหตุให้ถูกตีบ่อยที่สุด เพราะแม่ไม่ชอบเด็กร้องไห้ร่ำไรมากๆ)
  • ขี้โวยวาย ดุ ตะคอกเก่ง พูดจาไม่มีหางเสียง (เหมือนใครหว่า?)
  • รื้อของเล่นเก่งมาก แต่พอบอกให้เก็บก็ "ลูกคิดเก็บไม่ไหว" (พ่อจะเอาของเล่นไปทิ้งหลายต่อหลายครั้ง)
  • ขี้หวงของเล่นตัวเอง แต่ชอบแย่งของเล่นคนอื่น (เป็นเหตุให้ถูกพี่ฟิล์มตบ หางตาบวม)
ขอเชิญทุกท่าน ร่วมแสดงความชื่นชมในสิ่งดีดีที่มีอยู่น้อยอย่างของลูกคิดด้วยกันค่ะ พ่อกับแม่จะให้รางวัลอะไรลูกคิดบ้างมั้ยคะเนี่ย

Sunday, June 17, 2007

ไหว้พระ ๙ วัด นนทบุรี

ตามไปดูอีกหนึ่งบันทึกและภาพถ่ายที่ multiply นะคะ











  • ลงเรือที่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ (๑) ไม่ได้ไหว้พระเลยค่ะ แต่มีของขายเพียบ โดยเฉพาะทุเรียนนนท์ (ราคาแพงมาก ขอบอก) รวมทั้งมีคุณตาที่นั่งเป่าขลุ่ยผิว ให้ฟังระหว่างทานก๋วยเตี๋ยวก่อนลงเรือ
  • วัดเสาธงทอง (๒) มีต้นยางสูงใหญ่อายุกว่าร้อยปี ที่นี่ได้ไหว้พระด้วย
  • วัดไผ่ล้อม (๓) ต้องเดินจากวัดเสาธงทองมา ถึงจะไม่ไกล แต่แดดร้อนจังเลย ลูกคิดเดินไม่ไหวแล้วค่ะ ยกมือไหว้พระหน้าวัดแล้วอ่ะ
  • วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร (๔) ที่นี่ลูกคิดถูกพ่อตีก้นอย่างแรงสองที เพราะว่าดื้อ แย่งของเล่นต้นหม่อนมา แล้วไม่ยอมคืน ร้องไห้ลั่นลานวัด ไม่อายใครแล้วค่ะ
  • วัดฉิมพลีสุทธาวาส (๕) ถึงจะเก่าและเล็ก แต่ลูกคิดชอบมากที่สุด เพราะมีเครื่องเล่นสนามให้เล่นเยอะเลยค่ะ ที่วัดนี้ต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว เพราะไม่อยากจากไปเลย อยากเล่นๆๆ
  • วัดกลางเกร็ด (๖) ที่มีพระนอนองค์ใหญ่ พ่อถ่ายรูปให้แม่กับลูกคิดเยอะที่สุด แต่หน้าตาดูไม่ได้เลย สุดโทรมค่ะ
  • วัดเชิงเลน (๗) ลูกคิดเคยเข้ามากับพ่อ แม่ และยายด้วย ตอนนั้นน้ำท่วมเพิ่งลด ที่นี่กว้างมาก มีไก่ตัวเบ้อเร่อเลยค่ะ ได้ทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดด้วยนะคะ
  • วัดท่าอิฐ (๘) อยู่ในซอยท่าอิฐ แต่ก็ไม่เคยเข้ามาเที่ยวเลย พอขึ้นจากเรือ เห็นคนเยอะก็ถอดใจ เลยไปเลยดีกว่า "แผ่วปลาย"
  • วัดแสงสิริธรรม (๙) ลูกคิดหลับมาตั้งแต่ในเรือแล้วค่ะ และอีกอย่าง วัดนี้ก็เข้ามาเที่ยวประจำอยู่แล้ว เพราะสองแถวมาถึง เลยไปเลยอีกเหมือนกัน นั่งเรือกลับไปรอครอบครัวต้นหม่อน(คลาดกันที่วัดท่าอิฐ) ที่วัดใหญ่ หลับรอดีกว่า คร่อกฟี้ๆๆ
เชื่อมั้ยคะ ตลอดเส้นทางทั้งแม่และลูกคิด ไม่ได้เข้าห้องน้ำกันเลยซักครั้ง ทั้งที่ดื่มน้ำกันเข้าไปเยอะมากๆ เราออกจากบ้านประมาณเก้าโมงเช้า กลับมาอีกครั้งตอนบ่ายสามโมงค่ะ

บอกลา pampers

หลังจากทำ Cassette Tape ดีให้กลายเป็นเสีย ล่าสุดลูกคิดก็ถูกแม่ตียกใหญ่(กว่า) ด้วยการบีบยาทาแก้แพ้ยุงกัด เกือบหมดหลอด มาละเลงเป็นครีมบำรุงผิว

สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อกลับจากทำงานเกือบทุกวัน จะเห็นแต่ภาพลูกคิดนั่งร้องไห้ แม่นั่งหน้าบูด ควันออกหู บ่นไม่อยากจะเลี้ยงลูกคิดอีกต่อไปแล้ว และสิ่งที่พ่อและแม่เห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่แย่มากๆ (ถึงแม้จะเป็นพัฒนาการ) ก็คือ การที่ลูกคิดตวาดเสียงดัง เถียงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกับแม่

เสาร์-อาทิตย์นี้ พ่อสัญญาว่าจะพาแม่กับลูกคิดออกไปหาอะไรทานนอกบ้าน ลูกคิดก็ให้สัญญากับพ่อแม่ว่า จะเป็นเด็กน่ารัก ไม่ดื้อและไม่เถียงค่ะ

พูดถึงเรื่องพัฒนาการในทางที่ดีลูกคิดก็มีนะคะ คือ ระยะหลังๆ มานี้ลูกคิดรู้สึกว่า pampers ที่ใส่นอนตอนกลางคืน มันทำให้ลูกคิดอึดอัด รำคาญมากเลยค่ะ คืนวันศุกร์(15 มิ.ย.)ที่ผ่านมา ลูกคิดเลยร้องขอแม่ไม่ใส่ pampers นอน โดยใส่กางเกงในแทน เหมือนตอนกลางวัน แม่ก็ยอมเสี่ยงกับการอาจจะฉี่รดที่นอนของลูกคิด เป็นยังไงรู้มั้ยคะ! ลูกคิดนอนยาวไม่ฉี่เลยทั้งคืน มาฉี่อีกครั้งตอนเช้าเลยค่ะ

พัฒนาการเรื่องนี้เอง ที่ทำให้ลูกคิดเห็นว่าแม่ชื่นชมและมีรอยยิ้มกับลูกคิดได้ หลังจากผ่านการทำศึกกันมาทั้งสัปดาห์

pampers จ๋า ลูกคิดลาก่อนนะจ๊ะ!

Friday, June 15, 2007

Cassette Tape

ลูกคิดเคยได้ยินลุงตี๋บอกว่า คนเราส่วนมากจะฟังเพลงเยอะก็ในช่วงที่เป็นวัยรุ่น เพลงที่ร้องได้ติดปาก ก็จะเป็นเพลงในยุควัยรุ่นของตัวเอง แต่ที่บ้านทุกวันนี้ พ่อก็ยังเปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ให้ลูกคิดฟังบ่อยๆ (แสดงว่าพ่อเป็นวัยรุ่นอยู่ใช่มั้ยคะ) มีทั้งเพลงไทย และเพลงฝรั่งที่พ่อบอกว่าเป็นยุค "จิ๊กโก๋ยามบ่าย" ที่พ่อซื้อแผ่นซีดีมือสองมาจากตลาดนัดบางลำภู งามวงศ์วาน

ลูกคิดชอบให้พ่อเปิดเพลง "รักเธอ" ของพี่โต๋ เพลง "พรหมลิขิต" ของบิ๊กแอส และก็เพลง "ทำอะไรสักอย่าง" ของพี่ป้าง แล้วก็เพลงอื่นๆ อีกเยอะแยะ เพราะๆ ทั้งนั้นเลย ลูกคิดร้องได้ด้วยนะคะ

เอ๊ะ! วันนี้แม่ถืออะไรมาใส่เครื่องฟังเพลงของแม่นะ ไม่ใช่แผ่นซีดีธรรมะที่แม่เคยเปิดฟังเลยอ่ะค่ะ เห็นแม่กดปุ่มฝาก็เปิดออกมา แล้วใส่เจ้านี่เข้าไป ปิด แม่กดอีกปุ่มมันก็มีเสียงเพลงด้วยแฮะ ไม่เห็นเหมือนที่พ่อเปิดจากคอมพิวเตอร์เลยค่ะ แปลกจัง

ตอนบ่าย แม่ออกไปทำงานหน้าบ้าน ลูกคิดลองไปหยิบเจ้าตลับเทป(แม่เรียกอย่างนี้) มาดู มันมีเส้นๆ อะไรน่ะ ดึงออกมาได้เรื่อยๆ เลยอ่ะค่ะ ลูกคิดดึงเท่าไหร่ก็ออกมาไม่หมดซักที ไม่เอาแล้ว ทิ้งไว้อย่างนี้ดีกว่า ไว้ค่อยให้แม่มาดึงต่อเอาเอง เป็นยังไงต่อรู้มั้ยค่ะ พอแม่เข้ามาเห็นผลงานเท่านั้นแหละ ลูกคิดโดนตีซะร้องไห้เลยค่ะ แม่ให้เหตุผลที่ทำโทษว่า เพราะลูกคิดทำเทปคาสเส็ทพัง ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ ก็แค่สงสัยเลยดึงออกมาดูเท่านั้นเองค่ะแม่

ตกค่ำแม่ฟ้องพ่อ ให้ทำโทษโดยตีมือลูกคิดอีกสองครั้ง เหตุผลเดียวกันกับแม่ คือ ทำของดีให้กลายเป็นของเสีย พ่อยังบ่นอีกว่า เทปคาสเส็ทถ้าถึงมือเด็กเมื่อไหร่ จะต้องเป็นอย่างนี้ซะทุกคน
"เฮ้อ! แล้วลูกคิดผิดตรงไหนคะเนี่ย"

Wednesday, June 13, 2007

โรงเรียนสองภาษา

หลังจากไปเที่ยวโรงเรียนชลประทานมาครั้งหนึ่งแล้ว มาคราวนี้ก็ติดรถป้าแตไปอีกครั้ง แม่กะจะไปลงตลาดนัด หลังกลับจากโรงเรียน เมื่อรถเข้าไปในโรงเรียน พอผ่านบริเวณที่มีเครื่องเล่นของเด็กในสนามเด็กเล่น "จอดๆๆๆ ลูกคิดอยากจะลงไปเล่นค่ะ ป้าแต " แต่ก็ไม่ได้เล่นหรอกค่ะ เพราะแม่นั่งอยู่ข้างๆ ป้าแตคงไม่กล้าให้ลง พวกพี่ๆ ก็เล่นกันอยู่เต็มไปหมด (นั่นสิคะ เพราะเพื่อนเล่นเยอะนี่แหละ ทำให้ลูกคิดอยากลงไปมากๆ เลย)

แม่บอกว่าที่ไม่อยากให้ไปเรียนชลประทาน เพราะเห็นตัวอย่างคือ พี่แป้งกับพี่ปาล์มแล้ว กลัวลูกคิดจะเจริญรอยตามน่ะค่ะ แต่พ่อกลับบอกว่าไม่น่าเกี่ยวกับโรงเรียนมากนักหรอก อาเม้ง น้องที่ทำงานพ่อก็เคยเรียนที่นี่ อาเม้งเรียนเก่งมาก และก็เชื่อฟังพ่อแม่มากด้วย พ่อว่าอย่างนั้น ได้ไปเที่ยวโรงเรียนชลประทานมาสองครั้งแล้ว ยังสนุกไม่หายเลยค่ะ ลูกคิดอยากไปโรงเรียนจัง

ระหว่างที่รอรับพี่แป้งกับพี่ปาล์มอยู่นั้น
ป้าแต: ลูกคิด มาเรียนกับพี่แป้งที่โรงเรียนนี้เอามั้ยคะ
ลูกคิด: ลูกคิดจะเรียนโรงเรียนสองภาษา
ป้าแต: ...(แป่ว)...
แม่น้ำ: !@#$%^&

ณ ที่บ้านตอนค่ำ หลังจากที่แม่เล่าให้ฟัง เมื่อพ่อกลับจากทำงาน
พ่อ: อืม! โรงเรียนอนุบาลที่ไหนมีหลักสูตรสองภาษาบ้างน่ะแม่ เอางี้ลูกคิด โรงเรียน 1 ภาษา บ้านอีก 1 ภาษา แล้วกัน ดีมั้ยครับ
แม่: หรือว่าลูกคิดเค้าอยากพูดได้สองภาษา เหมือนในดีวีดี Barney ที่เราเปิดให้เค้าดู บางแผ่น Barney พูดไทย บางแผ่น Barney พูดอังกฤษ
พ่อ: !@#$%^&

Saturday, June 09, 2007

ขวบแรก



ขวบปีแรกของลูกคิด เป็นความประทับใจสุดๆ ของพ่อและแม่ พ่อบอกว่า อยากเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ให้ลูกคิดได้ดูเมื่อโตขึ้น

Friday, June 08, 2007

เที่ยวโรงเรียนชลประทาน

เมื่อบ่ายวานนี้ แม่กับลูกคิดติดรถป้าแต กะว่าจะขอไปลงตลาดนัด แต่ไปๆมาๆ ป้าแตชวนแวะไปรับพี่ปาล์มพี่แป้งด้วยกัน ที่โรงเรียนชลประทาน ระหว่างรอพี่แป้งเรียนพิเศษ แม่พาลูกคิดไปเดินดูห้องเรียนของพี่นักเรียนประถมสี่หลายๆ ห้อง มีอยู่ห้องหนึ่งคุณครูกำลังสอนภาษาอังกฤษ แบบเดียวที่แม่เพิ่งสอนลูกคิดวันนี้เอง ต้องแวะดูซักหน่อย

head หัว, hair ผม, shoulder ไหล่, arm แขน, finger นิ้วมือ, eye ตา, ear หู, mouth ปาก, nose จมูก

ลูกคิดยังจำได้ไม่หมดหรอกค่ะ แต่ที่โรงเรียนนี่สนุกจังเลยนะคะ มีเพื่อนเล่นเพื่อนเรียนเยอะแยะเลย ได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่า อาจจะให้ลูกคิดเข้าเรียนที่อื่น คงไม่ใช่ที่โรงเรียนชลประทาน ที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอให้สนุกๆ อย่างนี้ก็พอ

พ่อแม่คะ! ลูกคิดอยากไปโรงเรียน

Tuesday, June 05, 2007

พ่อซื้อตัวต่อให้แล้วค่ะ

ตัวต่อชุดก่อนเป็นของแถม มีไม่มากชิ้นนัก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อซื้อให้ลูกคิดแล้ว แม้จะไม่ใช่เลโก้ แต่ลูกคิดก็ชอบเล่นมากนะคะ มีส่วนที่เป็นฟันเฟืองหมุนได้ด้วยค่ะ ดีจังเลย ขอบคุณนะคะพ่อ มีรูปที่ลูกคิดช่วยแม่ต่อเสร็จแล้วมาให้ดูด้วยค่ะ